วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2016 น.วินเซนต์ สังฆานุกรและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมกราคม 2016
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 12865
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 24:2-21
เมื่อกษัตริย์ซาอูลเสด็จกลับจากการรบกับชาวฟีลิสเตีย ก็ทรงทราบว่าดาวิดอยู่ในถิ่นทุรกันดารใกล้เอนเกดีกษัตริย์ซาอูลทรงเลือกทหารฝีมือเยี่ยมสามพันคนจากทั่วอิสราเอลเสด็จไปค้นหาดาวิดและพรรคพวกทางด้านตะวันออกของหินแพะป่า พระองค์เสด็จมาถึงคอกแกะริมทาง ที่นั่นมีถ้ำแห่งหนึ่ง จึงเสด็จเข้าไปเพื่อทรงบังคนหนักดาวิดกับพรรคพวกแอบอยู่ลึกในถ้ำเดียวกันนั้น พรรคพวกจึงกล่าวแก่ดาวิดว่า “นี่เป็นโอกาสของท่านแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่ท่านว่า ‘เราจะมอบศัตรูไว้ในมือของท่าน ท่านจะทำกับเขาอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ’” ดาวิดจึงลุกขึ้นเข้าไปลอบตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล แต่แล้วดาวิดก็รู้สึกไม่สบายใจที่ไปตัดชายเสื้อคลุมของซาอูลจึงกล่าวแก่พรรคพวกว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห้ามข้าพเจ้ามิให้ทำสิ่งนี้แก่ผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือมิให้ทำร้ายพระองค์แต่ประการใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า”ดาวิดกล่าวเช่นนี้ ทำให้พรรคพวกเปลี่ยนความคิด ไม่ทำร้ายกษัตริย์ซาอูล
กษัตริย์ซาอูลเสด็จออกจากถ้ำและทรงพระดำเนินต่อไป ดาวิดก็ออกจากถ้ำตามมาและทูลเรียกกษัตริย์ซาอูลว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพเจ้า”กษัตริย์ซาอูลทรงเหลียวมา ดาวิดก็กราบลงหน้าจรดพื้นด้วยความเคารพ ทูลว่า “ทำไมพระองค์จึงทรงเชื่อฟังผู้ที่ใส่ความว่าข้าพเจ้าจะทำร้ายพระองค์พระองค์ทรงเห็นกับตาในวันนี้แล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพระองค์ไว้ในมือของข้าพเจ้าในถ้ำมีคนยุให้ข้าพเจ้าฆ่าพระองค์ แต่ข้าพเจ้าไว้ชีวิตพระองค์กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ทำร้ายเจ้านายของข้าพเจ้าแต่ประการใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ พระบิดาของข้าพเจ้า ดูนี่ซิ โปรดทอดพระเนตรดูชายเสื้อคลุมในมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตัดมาจากเสื้อคลุมของพระองค์ แต่ไม่ได้ฆ่าพระองค์ ขอพระองค์ทรงยอมรับเถิดว่า ข้าพเจ้าไม่เคยคิดกบฏต่อพระองค์หรือคิดทำร้ายพระองค์เลย ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพระองค์ แต่พระองค์กลับทรงตามล่าจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ตัดสินระหว่างข้าพเจ้าและพระองค์เถิด ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้าจะไม่ทำร้ายพระองค์เป็นอันขาดดังที่สุภาษิตโบราณเคยกล่าวว่า ‘ความชั่วย่อมมาจากคนชั่ว’ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ทำร้ายพระองค์เลยกษัตริย์แห่งอิสราเอลกำลังทรงไล่ตามใครอยู่พระองค์กำลังทรงไล่ตามผู้ใดทำไมพระองค์จึงทรงไล่ตามสุนัขตาย หรือตัวหมัดอยู่เล่าขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตัดสินชี้ขาดระหว่างข้าพเจ้ากับพระองค์ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรพิจารณาคดีของข้าพเจ้า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงป้องกันข้าพเจ้าจากพระหัตถ์ของพระองค์เถิด”
เมื่อดาวิดกล่าวถ้อยคำเหล่านี้จบแล้ว กษัตริย์ซาอูลตรัสว่า “ดาวิดลูกเอ๋ย นั่นเป็นเสียงของเจ้าหรือ”กษัตริย์ซาอูลทรงกันแสงเสียงดัง แล้วตรัสแก่ดาวิดต่อไปว่า “เจ้าเป็นผู้ชอบธรรมมากกว่าเรา เพราะเจ้าทำดีต่อเรา ขณะที่เราทำร้ายเจ้าวันนี้เจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่า เจ้าดีต่อเราเพียงไร เพราะเจ้าไว้ชีวิตเรา ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบเราไว้ในมือของเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดพบศัตรู แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปโดยปลอดภัย ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนความดีที่เจ้าได้ทำกันเราในวันนี้เถิดบัดนี้ เรารู้แล้วว่าเจ้าจะเป็นกษัตริย์ และอาณาจักรอิสราเอลจะตั้งมั่นในมือของเจ้า
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 3:13-19
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบเขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคนให้อยู่กับพระองค์และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอนโดยให้มีอำนาจขับไล่ปีศาจด้วยอัครสาวกสิบสองคนที่ทรงแต่งตั้งคือซีโมนพระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “เปโตร” ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายของยากอบพระองค์ทรงตั้งชื่อให้สองพี่น้องนี้ว่า “โบอาแนรเกส” ซึ่งแปลว่า “ลูกฟ้าร้อง” อันดรูว์ฟีลิปบารโธโลมิวมัทธิวโทมัสยากอบบุตรของอัลเฟอัสธัดเดอัสซีโมนจากกลุ่มชาตินิยมและยูดาสอิสคาริโอทต่อมายูดาสผู้นี้ได้ทรยศต่อพระองค์
ข้อคิด
พวกสาวกทั้ง 12 องค์ที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกให้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ความใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของกระแสเรียกของอัครสาวกสิบสองท่านแรก เหตุว่าต่อมาพวกท่านจะต้องดำเนินชีวิตโดยไม่มีพระองค์ การแยกตัวจากพระเยซูเจ้าเพื่อเผยแพร่พระวรสารในแถบปาเลสไตน์ และต่อมาหลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ ในที่สุดพวกเขาก็ต้องแยกจากพระองค์อย่างถาวร เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์
ในช่วงที่พวกท่านอยู่กับพระเยซูเจ้าเป็นการปลูกความรักต่อพระองค์ลงในจิตใจของพวกเขา พร้อมกับความร้อนรนในการประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และหลังจากที่พวกท่านได้รับพระจิตเจ้าแล้ว พวกท่านก็ต้องไปประกาศข่าวดีแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ต่อไป
ชีวิตของเราในฐานะคริสตชนก็ควรจะมีทั้งสองแง่มุมนี้ กล่าวคือความใกล้ชิดกับพระคริสตเจ้าและการเผยแพร่พระอาณาจักรของพระเจ้าแก่คนทั่วไปตามแบบฉบับของบรรดาอัครสาวกของพระเยซูเจ้า